121,123 Soi.Tiwanonth3, T.Taladkwan Muang Nonthaburi 11000

FAQ

      ไวนิล คือ พลาสติกพิเศษชนิดหนึ่ง ที่ได้มาจากการคิดค้นและพัฒนาสูตรผสมระหว่าง UPVC ( Unplastizide Poly Vinyl Choride ) คุณภาพสูง และ สารเพิ่มประสิทธิภาพหลายชนิด เช่น สารเพิ่มความทนทานต่อแสงแดด หรือ รังสี ( UV Stabilizer ) ฯลฯ เพื่อให้ได้สูตรผสมพิเศษ ( Compound )ซึ่งเหมาะสมกับการผลิตเป็นกรอบหน้าต่างและประตู ในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา ไวนิลถูกนำมาใช้ทำกรอบหน้าต่างและประตู มากว่า 30 ปี และมีแนวโน้มว่าสัดส่วน จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก ไวนิล มีคุณสมบัติที่ดีกว่าวัสดุอื่นๆที่ใช้ทำกรอบ -หน้าต่าง และประตู โดยในประเทศไทยนั้น กรอบหน้าต่างและประตูที่ผลิตจากไวนิล กำลังเริ่มเป็นที่นิยมซึ่งถือเป็น นวัตกรรมใหม่ของกรอบหน้าต่างและประตูใน ยุค 2000 นี้
      กรอบหน้าต่างและประตูทีผลิตจากไวนิลนั้น สามารถ ขจัดปัญหาการกัดกินของปลวกและแมลงต่างๆ ที่ มักเกิดกับไม้เกือบทุกชนิด และ ปราศจากปัญหาการรั่วซึมของน้ำฝน บริเวณรอยต่อที่มักเกิดกับอลูมิเนียม เนื่องจากใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ในการเชื่อมมุมด้วยความร้อน ( Heat welding ) จนรอยต่อเชื่อมสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้ กรอบหน้าต่างและประตูที่ผลิตจากไวนิลยังทนทานต่อแสงแดด ( UV Protection ) ไม่ผุกร่อน ไม่บิดงอ ไม่เป็นเชื้อไฟ และยังมีอายุการใช้งานยาวนานอีกด้วย
      ระบบหน้าต่างและประตูไวนิล สามารถใช้งานได้ทุกสภาพอากาศขึ้นอยู่กับ สูตรหรือส่วนผสมในเนื้อไวนิลที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศนั้น ไม่ว่าจะเป็นเขตเมืองหนาวเย็น ( ทวีปยุโรปและอเมริกา ) หรือเขตเมืองร้อนชื้น ( เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพอากาศของเมืองไทยที่มีแสงแดดแรงจัด ฝนตกชุก ความชื้นในอากาศสูงและความเป็นกรดด่าง จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ควรพิจารณาผู้ผลิตระบบหน้าต่างและประตูที่เข้าใจสภาพอากาศของเมืองไทย และนำคุณ สมบัติพิเศษที่ดีของ ไวนิล มาวิจัยและพัฒนาให้เหมาะสมกับเมืองไทย
      ไม่ใช่ แต่ประเมินตามปริมาณวัสดุที่ใช้จริง และราคาต่อตารางเมตรไม่สามารถใช้ประเมินราคาประตูหน้าต่างทุกประเภทได้ (ราคาประตูหน้าต่างชนิดเดียวกันที่มีขนาดต่างกัน จะมีราคาต่อตารางเมตรต่างกัน) เช่นประตูหน้าต่างที่มีขนาดเล็กจะมีราคาต่อตารางเมตรสูงมาก แต่ราคาต่อตารางเมตรจะลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อขนาดใหญ่ขึ้นที่ขนาดเล็กมีราคาต่อตารางเมตรสูงเนื่องจากใช้อุปกรณ์มือจับบานพับเท่าเดิม แต่เมื่อบานใหญ่ขึ้นก็ยังคงใช้มือจับบานพับเท่าเดิมอยู่ดี บานขนาดใหญ่ๆ จึงมีราคาต่อตารางเมตรถูกลง แต่เนื่องจากบ้าน 1 หลังมีสินค้าหลายชนิดหลายประเภทบาน เราพบว่าเฉลี่ยการใช้ประตูหน้าต่าง WINDSORในบ้าน 1 หลังมีราคาต่อตารางเมตรโดยเฉลี่ยประมาณ 3500 - 4500 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับสัดส่วนชนิดบานและSpec. สินค้าที่ใช้ ดังนั้นระดับราคา 3500 - 4500 บาท (ไม่รวมค่าติดตั้ง) สามารถใช้คำนวณเพื่อหาต้นทุนได้คร่าวๆ

หรือคลิกที่นี่เพื่อดูตารางเทียบราคา
      สินค้า WINDSOR ในแต่ละรูปแบบบานมีราคาไม่เท่ากัน หลายๆ กรณี ลูกค้านำแบบจากสถาปนิก, โครงการ, หรือบริษัทรับสร้างบ้านต่างๆ มาตีราคาหน้าต่างแล้วมีราคาแพง แต่สามารถปรับแบบให้มีราคาที่เหมาะสมได้ โดยควรปรึกษากับพนังงานของเครือข่าย WINDSOR โดยเบื้องต้นแล้วระดับราคาของประตูหน้าต่าง WINDSOR และประตูหน้าต่างทั่วไปเป็นดังนี้

- ประเภทบานเปิดและบานกระทุ้ง จะมีราคาสูงที่สุด
- รองลงมาคือประเภทบานเลื่อน
- ราคาต่ำที่สุดคือบานช่องแสงติดตาย

(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและความหนาของกระจกที่เลือกใช้ด้วย)
      ระบบประตูหน้าต่างไวนิลที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

- วัสดุที่เลือกใช้ (โปรไฟล์ไวนิล, เหล็กเสริมแรง, Hardware, Accessory, Glass) ลูกค้าจะต้องพิจารณาโดยละเอียดสำหรับระบบประตูหน้าต่างไวนิลที่มีราคาถูก และควรต้องสอบถามถึงรายละเอียด วัสดุที่ใช้ทุกรายการ สิ่งที่เราพบเห็นบ่อย คือ สินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนซึ่ง โปรไฟล์คุณภาพสูตรเคมีไม่ได้มาตรฐาน Hardware เลือกใช้ของดีเฉพาะส่วนที่มองเห็น แต่อุปกรณ์ภายในใช้ของคุณภาพต่ำ, เหล็กเสริมแรงไม่ใช่เหล็กชุบ Galvanized หรือใส่เหล็กไม่เต็มท่อน หรือแม้กระทั่งไม่ใส่เหล็กในบางด้าน ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพอย่างมาก ส่วนสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปโดยตรง วัสดุจะค่อนข้างมีคุณภาพดี แต่จะมีราคาสูงมาก
- การประกอบและคุณภาพการบริหารงานโรงงาน ถึงแม้จะนำวัสดุที่ดีทั้งหมดเข้ามาแล้ว แต่ที่สำคัญคือการคุมคุณภาพการประกอบสินค้าให้ได้มาตรฐาน มีผู้ประกอบการ หลายรายที่ขาดมาตรฐานการควบคุมคุณภาพภายในโรงงานประกอบฯ ทำให้พบปัญหาสินค้าเสียหายมากมาย ที่สำคัญคือ ลูกค้าควรพิจารณาเลือกผู้ผลิตที่เป็นรายใหญ่ ซึ่งมีความสามารถในการบริหารเก็บ Stock สินค้าจำนวนมากได้ เนื่องจากสินค้าส่วนประกอบหน้าต่างมีมากกว่า 300 - 400 รายการ ผู้ผลิตบางรายไม่เก็บ Stock เมื่อสินค้าที่ติดตั้ง ไประยะเวลาหนึ่งเกิดการชำรุดเสียหายก็จะหาอะไหล่ไม่ได้
- คุณภาพการติดตั้งและวัสดุที่ใช้ในการติดตั้ง ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการบริหารงานประตูหน้าต่าง ลูกค้าควรพิจารณาผู้ให้บริการติดตั้งประตูหน้าต่างที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมการก่อสร้างจริงๆ ที่สามารถให้คำแนะนำในการเตรียมหน้างานได้ ประสานงานกับผู้รับเหมาก่อสร้างได้ ด้วยความเข้าใจ ในบางครั้งผู้ผลิตที่ประสบการณ์น้อย มักเน้นรับปากลูกค้าเอาไว้ก่อน และเมื่อถึงเวลาติดตั้งจริงไม่ สามารถติดตั้งได้เนื่องจากงานปูนมีปัญหา แต่ก็ใช้วิธีหลบเลี่ยง หรือวิธีที่ไม่ถูกต้องฝืนติดตั้งสินค้าไป เมื่อใช้งานจริงก็ เกิดปัญหา เช่น บานเปิดปิดยาก ไม่สนิท บานเลื่อนยาก ฝืด น้ำรั่ว เป็นต้น

ดังนั้นผู้ผลิตที่มีประสบการณ์ต้องสามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้ และเน้นที่ความถูกต้องของการประสานงานหน้างานก่อสร้าง โดยไม่ฝืนติดตั้งไปทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
      WINDSOR ได้ทำการคัดเลือก Hardware ทุกรายการ โดยผ่านการทดสอบที่สำคัญๆ อย่างเช่น การทดสอบการเปิดปิด(ต้องเปิดเปิดได้ในจำนวนครั้งเท่ากับมาตรฐานสากล) การทดสอบภาวะการเกิดสนิมโดยใช้เครื่องทดสอบสเปรย์น้ำเกลือ(Salt Spray Test) และการทดสอบต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงขอเรียนท่านลูกค้าว่า มี Hardware ในตลาดจำนวนมากที่มีรูปลักษณ์สวยงาม แต่คุณภาพไม่ดีหรือต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เราขอแนะนำให้ท่านใช้ Hardware ในระบบของ WINDSOR เป็นหลัก

แต่หากท่านต้องการเปลี่ยน Hardware ดังกล่าวจริงๆ ขอให้ท่านให้ข้อมูล หรือตัวอย่าง Hardware ดังกล่าวแก่ทีมงานWINDSOR เพื่อตรวจสอบขนาด Dimension ต่างๆ ว่าสามารถใส่เข้ากับระบบวงกบ/กรอบบาน WINDSOR ได้หรือไม่
      มีสีขาวสีเดียว โดยสีขาวของ WINDSOR ไม่ได้เป็นการผสมสีในเนื้อซึ่งจะซีดจางได้เร็วเนื่องจากส่วนที่เป็นเม็ดสีถูกทำลายโดยรังสี UV ตามกาลเวลา แต่สีขาวของ WINDSOR เป็นสีของ Titanium dioxide ซึ่งเป็นสารทึบแสงสีขาวบริสุทธิ์และปลอดภัยต่อร่างกาย เช่นเดียวกับส่วนผสมของครีมกันแดดของสตรี จึงทำให้สีขาวของ WINDSOR คงทนต่อกาลเวลาได้ยาวนาน และมีความสดใสอยู่เสมอ เมื่อใช้งานไปนานๆ สินค้าอาจมีฝุ่นเขม่าต่างๆจับติด แต่เมื่อทำความสะอาดแล้วจะพบว่าสีขาวยังคงสดใสเหมือนใหม่ ทีมงาน WINDSOR พบว่า บ้านที่ติดตั้งประตูหน้าต่าง WINDSOR อยู่ข้างบ้านที่ติดตั้งด้วยไม้ทำสีขาว เพียงเวลาผ่านไป1 ปี เห็นได้ชัดเจนว่าบ้านที่ใช้ไม้ทาสีนั้น สีซีด และเป็นรอยแตกไปแล้ว แต่บ้านที่ใช้ WINDSOR ถึงแม้มีฝุ่นจากถนนติดบานหน้าต่าง แต่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าสีขาวยังคงมีความสดใสอย่างมาก (ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง)(ตามมาตรฐานของ WINDSOR นั้นเราได้ผสมสาร Titanium Dioxide มากกว่ามาตรฐานของประเทศยุโรป)
      อะคริลิกที่ดี ต้องมีลักษณะคล้ายยางหรือหมากฝรั่ง โดยเมื่อแห้ง (Set ตัว) แล้วจะต้องคงความนิ่มยืดหยุ่นเหมือนเดิมทดลองโดยเอานิ้วสะอาดจิ้มเบาๆ จะรู้สึกเหมือนจิ้มโดนยางหรือหมากฝรั่ง และเมื่อเวลาผ่านไปนานก็ยังคงนิ่มเหมือนเดิมคุณสมบัติดังกล่าวทำให้รอยยาแนวสามารถ Absorb การยืดหดตัวของทั้งประตูหน้าต่างและ Concrete ได้ แต่หากเลือกใช้อะคริลิกคุณภาพต่ำแล้วจะพบว่าเมื่อยาแนวแห้งแล้วจะมีลักษณะเป็นแป้งแข็งๆ เอานิ้วจิ้มจะกดไม่ลง กรณีนี้จะเกิดปัญหารอยยาแนวแตกร่อน (Cracking) ทำให้น้ำซึมเข้าได้ง่าย

- โดยทั่วไปราคาอะคริลิกคุณภาพสูงสำหรับการใช้งานภายนอกนั้นมีราคาประมาณ 180 - 200 บาท/หลอด หากพบ ว่าช่างใช้สินค้าที่ราคาต่ำกว่านี้มาก สันนิษฐานได้ว่าใช้อะคริลิกที่คุณภาพต่ำ หรือไม่ใช่รุ่นสำหรับงานภายนอก
- ซิลิโคนที่ดี ต้องมีลักษณ์เช่นเดียวกับอะคริลิก คือมีลักษณะเป็นยางที่มีความนุ่มยืดหยุ่นตัวได้ดี โดยคุณสมบัติที่ดีของซิลิโคนคือ ต้องสามารถทนรังสี UV ได้เป็นเวลานาน ดังนั้น การเลือกใช้ซิลิโคนสำหรับการใช้งานภายนอกต้องเลือกที่เป็นซิลิโคน 100% เท่านั้น (เช่นเดียวกับการก่อสร้างอาคารสูงต่างๆ สถาปนิกและวิศวกรจะเลือกใช้เฉพาะซิลิโคน 100% เท่านั้น หากใช้ของคุณภาพต่ำ ซิลิโคนจะแข็งเร็ว แตกง่ายและทำให้น้ำซึมเข้าอาคาร และแก้ไขได้ยากมาก)
- โดยทั่วไปราคาซิลิโคน 100% สำหรับใช้งานภายนอกจะมีราคาตั้งแต่ 100 บาท/หลอดขึ้นไป หากช่างเลือกใช้สินค้า ที่ราคาต่ำกว่านี้มาก สันนิษฐานได้ว่าเป็นของคุณภาพต่ำ หรือไม่ใช่รุ่นสำหรับการใช้งานภายนอก
      ทั้งคู่เหมือนกันตรงเป็นวัสดุที่ใช้ยาแนวรอยต่อต่างๆ แต่มีคุณสมบัติ และความเหมาะสมในการใช้งานต่างกันดังนี้

- อะคริลิกละลายน้ำได้ (Water-base, แต่เมื่อ Set ตัวแล้วจะไม่ละลาย) แต่ซิลิโคนไม่ละลายน้ำ
- อะคริลิกเหมาะสำหรับยาแนววัสดุที่มีผิวขรุขระ เนื่องจากเป็น Water-base จึงซึมเข้าในรอยรูพรุนต่างๆ ได้ดี ส่วนซิลิโคนเหมาะสำหรับการยาแนววัสดุที่ผิวเรียบเช่นกระจก เนื่องจากสามารถแนบสนิทเป็นสุญญากาศ
- อะคริลิกสามารถทาสีทับได้ แต่ซิลิโคนทาสีทับไม่ได้
- อะคริลิกไม่เหมาะที่จะใช้ในวันฝนตกเนื่องจากอากาศชื้น ทำให้อะคริลิกแห้งช้า, แต่ซิลิโคนสามารถใช้ในวันฝนตกได้
- อะคริลิกไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ซิลิโคนมีกลิ่นเหม็นแอมโมเนีย
      โดยทั่วไปค่าติดตั้ง WINDSOR และอลูมิเนียมที่คุณภาพดีจะมีราคาใกล้เคียงกัน คือประมาณ 500 บาทต่อตารางเมตรแต่รายที่คิดค่าติดตั้งถูกเนื่องจากการเลือกใช้วัสดุติดตั้งที่คุณภาพต่ำ เช่น ซิลิโคนหรืออะคริลิกเกรดล่าง และช่างฝีมือต่ำ
      ห้ามใช้ทินเนอร์เช็ดเนื่องจากมีฤทธิ์กัดผิวไวนิล ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดไวนิลโดยเฉพาะ
      สามารถใช้น้ำเปล่าละลายสบู่ (น้ำสบู่) เช็ดด้วยผ้านุ่ม สามารถทำความสะอาดได้ตามปกติหากเป็นคราบเช็ดยาก ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดไวนิล เช่น Stay Clean (มีขายตาม 7-11) หรือน้ำยาล้างจานผสมน้ำหากเป็นคราบลึกเช่นรอยขูดขีด ควรใช้กระดาษทรายน้ำ เบอร์ละเอียดเช่น เบอร์ 0 ชุบน้ำลูบเบาๆ ให้รอยขูดตื้นลงไปและใช้น้ำขาขัดมันไวนิลขัดซ้ำ หรือสามารถติดต่อขอรับบริการทำความสะอาดจากทีมงาน WINDSOR ได้ (มีค่าใช้จ่าย)
      WINDSOR แยกประเด็นการรับประกันดังต่อไปนี้

- กรอบวงกบและกรอบบานไวนิลรับประกัน 10 ปี ไม่กรอบแตกบิดงอ ไม่ผุ ไม่เปลี่ยนสี จากการใช้งานปกติ
- อุปกรณ์ Hardware รับประกัน 1 ปี
- คุณภาพการติดตั้ง รับประกัน 1 ปี ไม่มีปัญหารั่วซึมหรือสินค้าชำรุดใช้งานไม่ได้ จากการใช้งานปกติภายในระยะเวลารับประกัน บริการซ่อมฟรี โดยสามารถติดต่อ Call Center:0-2968-8960-1, 0-2968-8790-1 (จันทร์-ศุกร์ เวลาทำการ)
      ไม่ควรให้ช่างทั่วไปซ่อม เนื่องจากไม่มีความรู้เกี่ยวกับระบบประตูหน้าต่าง WINDSOR พอ, ควรติดต่อขอรับบริการซ่อมแซมจากตัวแทนจำหน่ายของ WINDSOR (Authorized Dealer) เพื่อใช้อุปกรณ์อะไหล่แท้ และมาตรฐานการซ่อมที่ดีกว่า

หรือคลิกที่นี่เพื่อติดต่อเรา
      2 ประเภท คือระบบ Single Lock และ Multipoint Lock

- ระบบ Single Lock คือระบบที่ล๊อคด้วยการเกี่ยวกรอบบานเข้ากับวงกบ 1 จุด เหมาะสำหรับบานที่ไม่ใช่ทางเข้าหลักและต้องการความปลอดภัยปานกลาง
- ระบบ Multipoint Lock คือระบบที่ล๊อคกรอบบานเข้ากับวงกบด้วยการเกี่ยวมากกว่า 1 จุด จึงทำให้ล๊อคได้อย่างแน่นหนาและยากต่อการงัดแงะ เหมาะสำหรับการใช้เป็นบานที่เป็นทางเข้าออกหลัก หรือบานที่เสี่ยงต่อการโดนงัดแงะ
      ส่งแบบให้พนักงาน WINDSOR เพื่อให้หน่วยงานวิศวกรรม ประเมินความเป็นไปได้ในการผลิต ซึ่งส่วนมากหากบานที่ได้รับแบบมามีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ทีมงาน WINDSOR จะเสนอให้ปรับแบบมาให้ลูกค้าพิจารณา เช่น การเสริมเหล็กเพิ่ม, การเพิ่มความหนากระจก หรือ การเพิ่มแนวเส้นวงกบ, วงกบกลาง เป็นต้น
      ประตูบานเปิดเดี่ยว, ประตูบานเปิดคู่, ประตูบานเลื่อนคู่, ประตูบานเลื่อน 4 บาน

- หน้าต่างบานเปิดเดี่ยว, หน้าต่างบานเปิดคู่, หน้าต่างบานเลื่อนคู่, หน้าต่างบานเลื่อน 4บาน, หน้าต่างบานกระทุ้ง หน้าต่างบานเกล็ด, หน้าต่างบานช่องแสง Fix
- หน้าต่างบานช่องแสงดัดโค้ง
- หน้าต่างบานเข้ามุมต่างๆ
- ประตูหน้าต่างบาน Complex คือการนำบานต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน เช่นบานเปิดเดี่ยวที่มีช่องแสงด้านบน เป็นต้น
      องค์ประกอบในการทำให้หน้าต่างสามารถกันเสียงได้มี 3 ประการดังต่อไปนี้

1.วัสดุที่ใช้ทำวงกบและกรอบบาน ต้องเป็นวัสดุที่มีความเป็นฉนวนกันเสียงสูง
2.ชนิดกระจกที่ใช้ (โดยปกติกระจกมีคุณสมบัติในการกันเสียงสูงอยู่แล้ว) และวิธีการยึดกระจกให้สนิทไม่มีช่องว่าง กระจกที่นิยมใช้ทำห้องเก็บเสียงได้แก่:

     - กระจก Float ที่มีความหนาตั้งแต่ 8 มม.ขึ้นไป
     - กระจก Laminated ที่มีความหนาตั้งแต่ 6 มม.ขึ้นไป
     - กระจก 2 ชั้นที่มีความหนาตั้งแต่ 15 มม.ขึ้นไป (แต่กระจก 2 ชั้นที่มี Air Gap น้อยกว่า 100 มม. จะมีผลต่อการกันเสียงที่ไม่แตกต่างกับกระจกชนิดอื่นเท่าใดนัก)
     - กระจก 2 ชั้นที่มีความหนาประมาณ 18 มม. และใช้ด้านใดด้านหนึ่งเป็นกระจก Laminate ปัจจุบันเป็นที่นิยม

3. การทำให้ระบบประตูหน้าต่างปิดสนิทที่สุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างที่เสียงสามารถเล็ดลอดไปได้
4. การติดตั้งประตูหน้าต่างเข้ากับช่องปูนและการยาแนวที่ปิดสนิทไม่มีช่องว่างตลอดจนชนิดของยาแนวที่ใช้ต้องมีความเป็นฉนวนสูง

     ดังนั้นการที่จะออกแบบห้องเก็บเสียงควรต้องคำนึงถึงองค์ประกอบทั้ง 4 ประการข้างต้น ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการทำห้อง เช่น วัสดุที่ใช้ทำผนัง, บุผนัง, ฝ้าเพดาน และวัสดุฉนวนดูดซับเสียงต่างๆ เช่น หากต้องการทำห้องฟังเพลงหรือห้องอัดเสียง ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านเสียง (Acoustic Experts) โดยเฉพาะ